สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 12-18 กรกฎาคม 2564

 

ข้าว

1.สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 มาตรการสินค้าข้าว
1) แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2563/64 ประกอบด้วย 5 ช่วง ดังนี้
ช่วงที่ 1 การกำหนดอุปสงค์และอุปทานข้าว ได้กำหนดอุปสงค์ 28.786 ล้านตันข้าวเปลือกอุปทาน 30.865 ล้านตันข้าวเปลือก
ช่วงที่ 2 ช่วงการผลิตข้าว
2.1) การวางแผนการผลิตข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการวางแผนการผลิตข้าว ปี 2563/64
รวม 69.409 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 30.865 ล้านตันข้าวเปลือก จำแนกเป็น รอบที่ 1 พื้นที่ 59.884 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 24.738 ล้านตันข้าวเปลือก และรอบที่ 2 พื้นที่ 9.525 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 6.127 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถปรับสมดุลการผลิตได้ในการวางแผนรอบที่ 2 หากราคามีความอ่อนไหว ความต้องการใช้ข้าวลดลง และสถานการณ์น้ำน้อย รวมทั้งการปรับลดพื้นที่การปลูกข้าวไปปลูกพืชอื่น โดยจะมีการทบทวนโครงการ
ลดรอบการปลูกข้าวก่อนฤดูกาลเพาะปลูกข้าวรอบที่ 2
2.2) การจัดทำพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการจัดทำพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 จำนวน 59.884 ล้านไร่ แยกเป็น 1) ข้าวหอมมะลิ 27.500 ล้านไร่ ผลผลิต 9.161 ล้านตันข้าวเปลือก 2) ข้าวหอมไทย 2.084 ล้านไร่ ผลผลิต 1.396 ล้านตันข้าวเปลือก 3) ข้าวเจ้า 13.488 ล้านไร่ ผลผลิต 8.192 ล้านตันข้าวเปลือก 4) ข้าวเหนียว 16.253 ล้านไร่ ผลผลิต 5.770 ล้านตันข้าวเปลือก และ 5) ข้าวตลาดเฉพาะ 0.559 ล้านไร่ ผลผลิต 0.219 ล้านตันข้าวเปลือก
2.3) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ดี และควบคุมค่าเช่าที่นา
2.4) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่โครงการส่งเสริมระบบนาแบบแปลงใหญ่โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โครงการส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตพืช โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้สู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวกข43 และข้าวเจ้าพื้นนุ่ม (กข79) และโครงการรักษาระดับปริมาณการผลิตและคุณภาพข้าว
2.5) การควบคุมปริมาณการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย
2.6) การพัฒนาชาวนา ได้แก่ โครงการชาวนาปราดเปรื่อง
2.7) การวิจัยและพัฒนา ได้แก่ โครงการปรับปรุงและการรับรองพันธุ์ข้าวคุณภาพดีเพื่อการแข่งขัน และโครงการปรับปรุงและการรับรองพันธุ์ข้าวเจ้าพื้นนุ่มพันธุ์ใหม่
2.8) การประกันภัยพืชผล ได้แก่ โครงการประกันภัยข้าวนาปี
ช่วงที่ 3 ช่วงการเก็บเกี่ยวและหลังเก็บเกี่ยว ได้แก่ โครงการสินเชื่อเพื่อสร้างยุ้งฉางให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร
ช่วงที่ 4 ช่วงการตลาดในประเทศ
4.1) การพัฒนาตลาดสินค้าข้าว ได้แก่ โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร และโครงการรณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ
4.2) การชะลอผลผลิตออกสู่ตลาด ได้แก่โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกและโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
ช่วงที่ 5 ช่วงการตลาดต่างประเทศ
5.1) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ ได้แก่ การเจรจาขยายตลาดข้าวและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าในต่างประเทศ โครงการกระชับความสัมพันธ์ และรณรงค์สร้างการรับรู้ในศักยภาพข้าวไทยเพื่อขยายตลาดไทยในต่างประเทศ และโครงการ ลด/แก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าข้าวไทยและเสริมสร้างความเชื่อมั่น
5.2) ส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ข้าวและนวัตกรรมข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมและขยายตลาดข้าวไทยเชิงรุก โครงการผลักดันข้าวหอมมะลิไทยคุณภาพดีจากแหล่งผลิตสู่ตลาดโลก โครงการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ โครงการจัดประชุม Thailand Rice Convention 2021 และโครงการเสริมสร้างศักยภาพสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยเพื่อการต่อยอดเชิงพาณิชย์
5.3) ส่งเสริมพัฒนาการค้าสินค้ามาตรฐาน และปกป้องคุ้มครองเครื่องหมายการค้า/เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย
5.4) ประชาสัมพันธ์รณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยในตลาดข้าวต่างประเทศ
2) มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 และงบประมาณ ดังนี้
2.1) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 โดยกำหนดชนิดข้าว ราคา และปริมาณประกันรายได้ (ณ ราคาความชื้นไม่เกิน 15%) ดังนี้ (1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน (2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน (3) ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน (4) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และ (5) ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
2.2) มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 ประกอบด้วย
3 มาตรการ ได้แก่
(1)โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2563/64 โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในเขตพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อชะลอข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร จำนวน 1.82 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อต่อตัน จำแนกเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 11,000 บาทข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 9,500 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 5,400 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 7,300 บาท และข้าวเปลือกเหนียวตันละ 8,600 บาทรวมทั้งเกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเอง จะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตราตันละ 1,500 บาท สำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรที่
เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับในอัตราตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ขายข้าวเปลือก ได้รับในอัตราตันละ 500 บาท
(2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรปีการผลิต 2563/64โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป วงเงินสินเชื่อเป้าหมาย 15,000 ล้านบาท
คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 4 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยให้สถาบันเกษตรกรร้อยละ 3 ต่อปี
(3)โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2563/64 ผู้ประกอบการค้าข้าวรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อเก็บสต็อก เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถรับซื้อจากเกษตรกร
ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 - 31 มีนาคม 2564 (ภาคใต้ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2564) และเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร ระยะเวลาการเก็บสต็อกอย่างน้อย 60 - 180 วัน (2 - 6 เดือน)นับแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3
3) โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64
ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร  เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ลดต้นทุนการผลิต ให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ (ครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท) ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ขอดำเนินการจ่ายเงินเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
ปีการผลิต 2563/64 รอบที่ 1 กับกรมส่งเสริมการเกษตร ในอัตราไร่ละ 500 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท ก่อนในเบื้องต้น
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 10,383 บาท ราคาลดลงจากตันละ 10,519 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.29
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 8,665 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากตันละ 8,447 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.58
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 22,550 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 12,350 บาท ราคาลดลงจากตันละ 12,450 บาท ในสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 0.80
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 684 ดอลลาร์สหรัฐฯ (22,151 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 707 ดอลลาร์สหรัฐฯ (22,678 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.25 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 527 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 421 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,634 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 431 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,825 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.32 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 191 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 433 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,022 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 444 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,242 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.48 แต่เพิ่มขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 220 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 32.3839 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
          เมียนมา
          กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) รายงานว่า สถานการณ์ส่งออกข้าวของเมียนมาในเดือนมิถุนายน 2564
มีแนวโน้มลดลงจากเดือนพฤษภาคม เนื่องจากยังคงมีการปิดจุดผ่านแดนระหว่างเมียนมาและจีน ประกอบกับความต้องการข้าวจากประเทศในสหภาพยุโรปมีแนวโน้มลดลง รวมทั้งปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ค่าระวางเรือที่พุ่งสูงขึ้น
ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน การหยุดชะงักของการทำธุรกรรม และความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ
เป็นปัจจัยลบต่อการส่งออกข้าวในขณะนี้
          สำหรับการส่งออกข้าวในเดือนเมษายนและพฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา (ช่องทางปกติ ทางเรือ และการส่งออก
ทางชายแดน) มีปริมาณ 123,355 ตัน และ 165,000 ตัน ตามลำดับ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วง 2 เดือนก่อนหน้า (กุมภาพันธ์และมีนาคม) เนื่องจากมีความต้องการข้าวจากประเทศบังคลาเทศ จีน และฟิลิปปินส์
          ทั้งนี้ จากสถานการณ์การอ่อนค่าลงของเงินจ๊าดเมียนมาอย่างต่อเนื่องและความต้องการข้าวเพื่อส่งออกที่สูงขึ้น
จึงคาดว่าราคาขายส่งข้าวภายในประเทศจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยในเดือนพฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา ราคาขายส่งข้าวขาว Emata 25% ขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 22,000-23,000 จ๊าดต่อน้ำหนัก 108 ปอนด์ (ประมาณ 273-285 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ต่อตัน) เพิ่มขึ้นจากในเดือนเมษายนที่ประมาณ 20,500-21,700 จ๊าดต่อน้ำหนัก 108 ปอนด์ (ประมาณ 254-269 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน) ขณะที่ข้าวคุณภาพสูงพันธุ์ Shwe Bo Pawsan ราคาขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 47,000-50,000 จ๊าดต่อน้ำหนัก 108 ปอนด์ (ประมาณ 583-621 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน) เพิ่มขึ้นจากในเดือนเมษายนที่ประมาณ 45,000-48,500 จ๊าดต่อน้ำหนัก 108 ปอนด์ (ประมาณ 559-602 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน)
          ที่มา Oryza.com และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
          อินโดนีเซีย
          นาย Muhammad Lutfi รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้า (Trade Minister) กล่าวว่า อินโดนีเซียอาจจะไม่นำเข้าข้าวในปีนี้ แม้ว่าจะยังคงมีการระบาดของเชื้อ COVID-19 และรัฐบาลพยายามที่รักษาระดับราคาข้าวในประเทศให้มีเสถียรภาพก็ตาม เนื่องจากในขณะนี้ยังคงมีสต็อกข้าวเพียงพอสำหรับบริโภคในประเทศ
          หน่วยงาน BULOG รายงานว่า ปัจจุบันมีสต็อกข้าวประมาณ 1.39 ล้านตัน ซึ่งเพียงพอสำหรับใช้ในประเทศ
และสำหรับใช้ตามมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ขณะที่รัฐบาลคาดว่าในปี 2021 นี้จะมีผลผลิตข้าวสารประมาณ
33 ล้านตัน ซึ่งมากกว่าปีที่แล้ว
          ที่มา Oryza.com และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
          ญี่ปุ่น
          กระทรวงเกษตร ประมงและป่าไม้ (the Ministry of Agriculture, Fisheries and Forests; MAFF) ประกาศเปิดประมูลนำเข้าข้าวครั้งแรกของปีงบประมาณ 2021/22 (1 เมษายน 2021-31 มีนาคม 2022) ในวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 ซึ่งกำหนดจะซื้อข้าวจากไทยจำนวนรวม 9,460 ตัน ประกอบด้วยข้าวสารเมล็ดยาว (Nonglutinous long grain milled rice) จำนวน 7,200 ตัน โดยกำหนดส่งมอบวันที่ 1-30 กันยายน 2564 และข้าวสารเมล็ดยาว (Mochi long grain milled rice) จำนวน 2 ล็อต รวม 2,260 ตัน แบ่งเป็น 1,120 ตัน และ 1,140 ตัน
โดยกำหนดส่งมอบวันที่ 15 ตุลาคม 2564
          ที่มา Oryza.com และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
          เกาหลีใต้
          หน่วยงาน Korea Agri-Fisheries and Food Trade Corporation (KAFTC or aT) ประกาศเปิดการประมูลนำเข้าข้าวแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic bidding) ในวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 (เปิดรับลงทะเบียนการประมูลในวันที่ 19 กรกฎาคม 2564) ซึ่งกำหนดจะซื้อข้าว (non-glutinous brown/milled rice) รวมทั้งหมด 91,216 ตัน โดยกำหนด
ส่งมอบวันที่ 31 ตุลาคม 2564-30 เมษายน 2565
          ที่มา Oryza.com และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
          อินเดีย
          ภาวะราคาข้าวในสัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ในระดับทรงตัว (ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2020) ท่ามกลางภาวะที่ค่าเงินรูปีอ่อนค่าลง และอุปทานข้าวในตลาดมีมากขึ้น หลังจากที่รัฐบาลระบายข้าวออกมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนในประเทศ โดยข้าวนึ่ง 5% ราคาอยู่ที่ 367-371 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน เท่ากับเมื่อสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ตาม
ราคาข้าวของอินเดียยังคงต่ำกว่าประเทศคู่แข่งอื่นค่อนข้างมาก
          บรรดาผู้ส่งออกข้าวของอินเดียต่างคาดหมายกันว่า ในปีนี้จะมีการส่งออกข้าวขาวที่ไม่ใช่บาสมาติไปยังประเทศจีนเพิ่มขึ้นประมาณ 3 เท่าจากปีที่แล้ว เพราะคาดว่าตลาดจีนมีความต้องการข้าวเพื่อนำไปผลิตผลิตภัณฑ์อาหารประเภทเส้น และนำไปใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ โดยคาดว่าในปีงบประมาณ 2021/22 จีนจะนำเข้าข้าวจากอินเดียประมาณ 1 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากจำนวน 300,000 ตัน ในปี 2020/21
          ทั้งนี้ ผู้ส่งออกข้าวอินเดียได้เสนอราคาขายข้าวหักให้แก่ผู้นำเข้าของจีนที่ราคาประมาณ 300-350 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน ซึ่งต่ำกว่าราคาในตลาดโลกที่ระดับราคาประมาณ 390-400 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัญหาเกี่ยวกับตู้คอนเทนเนอร์และค่าระวางเรือที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคต่อการทำสัญญาขายข้าวให้แก่จีน
          ที่มา Oryza.com และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

 


ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดภายในประเทศในช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้

ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.55 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.08  บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 5.82 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.51 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 6.35 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.52
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 10.28 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 10.03 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.49 และราคาขายส่งไซโลรับซื้อสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 9.87 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 9.65 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.28
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 321.00 ดอลลาร์สหรัฐ (10,388.76 บาท/ตัน) สูงขึ้นจากตันละ 315.00 ดอลลาร์สหรัฐ (10,095.51 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.90 และสูงขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 293.25 บาท
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนกันยายน 2564 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกัน ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 630.00 เซนต์ (8,140.54 บาท/ตัน) ลดลงจากบุชเชล 644.00 เซนต์ (8,239.33 บาท/ตัน)  ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.17 และลดลงในรูปของเงินบาทตันละ 98.79 บาท


 


มันสำปะหลัง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2564 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 – กันยายน 2564) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 9.507 ล้านไร่ ผลผลิต 31.632 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 3.327 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.918 ล้านไร่ ผลผลิต 28.999 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.252 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว ผลผลิตและผลผลิตต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.60 ร้อยละ 9.08 และร้อยละ 2.31 ตามลำดับ โดยเดือนกรกฎาคม 2564 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 0.594 ล้านตัน (ร้อยละ 1.78 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2564 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2564 ปริมาณ 18.40 ล้านตัน (ร้อยละ 61.13 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
ผลผลิตมันสำปะหลังออกสู่ตลาดลดลง โดยผลผลิตมีคุณภาพต่ำ เนื่องจากมีฝนตก ทั้งนี้หัวมันสำปะหลังส่วนใหญ่ไหลเข้าสู่โรงงานแป้งมันสำปะหลัง
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.96 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1.95 บาท ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 0.51
ราคามันเส้นสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.42 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 6.59 บาท ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 17.75
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ7.53 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 7.51 บาทในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 0.27
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 14.01 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 13.95 บาทในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 0.43
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 260 ดอลลาร์สหรัฐฯ (8,420 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน (8,340 บาทต่อตัน)
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 483 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,641 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน (15,493 บาทต่อตัน)


 


ปาล์มน้ำมัน

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2564 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนกรกฎาคมจะมีประมาณ 1.661 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.299 ล้านตัน ลดลงจากผลผลิตปาล์มทะลาย 1.940 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.349 ล้านตัน ของเดือนมิถุนายน คิดเป็นร้อยละ 14.38 และร้อยละ 14.33 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 6.21 บาท สูงขึ้นจาก กก.ละ 6.00 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 3.50 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 34.05 บาท สูงขึ้นจาก กก.ละ 33.98 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.21             
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
สถานการณ์ในต่างประเทศ
ราคาน้ำมันปาล์มในอินเดียเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าร้อยละ 6 หลังจากที่ภาครัฐลดภาษีการนำเข้าและอนุญาตให้นำเข้าน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ได้ ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มมาเลเซียเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 หลังจากที่อินเดียประกาศลดภาษีนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบลงร้อยละ 5 
ราคาในตลาดต่างประเทศ
ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 4,280.12 ดอลลาร์มาเลเซีย (33.78 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 3,959.84 ดอลลาร์มาเลเซีย (31.17 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 8.09            
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,182.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (38.81 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 1,103.75 ดอลลาร์สหรัฐฯ (35.87 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 7.09
หมายเหตุ  :  ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน

 


อ้อยและน้ำตาล
  1. สรุปภาวะการผลิต  การตลาดและราคาในประเทศ
           ไม่มีรายงาน
  1. สรุปภาวการณ์ผลิต การตลาดและราคาในต่างประเทศ
          ตามการประมาณการจากภาพถ่ายดาวเทียมครั้งแรกของสมาคมโรงงานน้ำตาลของอินเดีย ISMA พบว่าในปี 2564/2565 พื้นที่ปลูกอ้อยในอินเดียเพิ่มขึ้น 3% สู่ 5.45 ล้านเฮกแตร์ ผลผลิตน้ำตาลคาดว่า ยังคงทรงตัวอยู่ที่ 31 ล้านตัน เมื่อเทียบกับ 30.9 ล้านตัน ในปี 2563/2564 เนื่องจากการใช้อ้อยผลิตเอทานอลคาดว่าจะสูงถึง 3.4 ล้านตัน เมื่อเทียบกับ 2.1 ล้านตัน ในปีนี้ ทั้งยังคาดว่าการส่งออกในฤดูกาลนี้จะทำสถิติสูงสุดที่ 7 ล้านตัน ซึ่งจะทำให้ปริมาณสต็อกน้ำตาลลดลงเหลือ 8.7 ล้านตัน ซึ่งจะต่ำที่สุดในรอบ 4 ปี แต่ยังคงสูงกว่าระดับที่เหมาะสม 4-4.5 ล้านตัน ทางด้านอุตสาหกรรมน้ำตาลแนะนำว่าการบริโภคน้ำตาลในช่วง 8 เดือนแรกของฤดูกาลเพิ่มขึ้น 5.13% เมื่อเทียบกับปีก่อน ที่ 17.4 ล้านตัน แม้จะมีการระบาดของโคโรนาไวรัส



 

 
ถั่วเหลือง

1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละสัปดาห์นี้ ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมันสัปดาห์นี้ ไม่มีรายงานราคา 
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ  
ราคาในตลาดต่างประเท (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,448.00 เซนต์ (17.47 บาท/กก.) สูงขึ้นจากบุชเชลละ 1,386.10 เซนต์ (16.56 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 4.47
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 360.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (11.84 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 355.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (11.54 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.55
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 66.77 เซนต์ (48.31 บาท/กก.) สูงขึ้นจากปอนด์ละ 63.80 เซนต์ (45.71 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 4.66


 

 
ยางพารา
 
 

 
ถั่วเขียว

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 22.99 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 21.63 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 6.29
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ และถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 30.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 26.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 26.20 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.76
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 35.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 20.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 20.40 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.96
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 32.40 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.23
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี        
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 957.40 ดอลลาร์สหรัฐ (31.00 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ966.80 ดอลลาร์สหรัฐ (31.01 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.97 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 833.00 ดอลลาร์สหรัฐ (26.98 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 847.60 ดอลลาร์สหรัฐ (27.19 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.72 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.21 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,112.60 ดอลลาร์สหรัฐ (36.03 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1,123.60 ดอลลาร์สหรัฐ (36.04 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.98 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 646.40 ดอลลาร์สหรัฐ (20.93 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 665.40 ดอลลาร์สหรัฐ (21.34 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.86 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.41 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,013.60 ดอลลาร์สหรัฐ (32.82 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1,035.80 ดอลลาร์สหรัฐ (33.22 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.14 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.40 บาท


 

 
ถั่วลิสง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 47.33 สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 38.92 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 21.61
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 31.48 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 57.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 54.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน


 

 
ฝ้าย

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
    ราคาที่เกษตรกรขายได้
  ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
     ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)
     ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนตุลาคม 2564 สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 89.67 เซนต์ (กิโลกรัมละ 64.89 บาท) เพิ่มขึ้นจากปอนด์ละ 87.82 เซนต์ (กิโลกรัมละ 62.93 บาท) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.11 (เพิ่มขึ้นในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 1.96 บาท)
   
 

 
ไหม

ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,831 บาท สูงขึ้นจาก 1,786 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา คิดเป็นร้อยละ 2.50 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1,831 บาท ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ไม่มีรายงาน
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,562 บาท สูงขึ้นจาก 1,521 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา คิดเป็นร้อยละ 2.69 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1,562 บาท ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ไม่มีรายงาน  
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,039 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 
ปศุสัตว์
 
สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
  
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ลดลง เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตเนื้อสุกรที่ออกสู่ตลาดมีมากกว่ากับความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย 
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ  71.13 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 72.28 คิดเป็นร้อยละ 1.59 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 67.68 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 72.49 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 71.57 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 71.51 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้  ตัวละ 2,700 บาท ลดลงจากตัวละ 2,800 บาท คิดเป็นร้อยละ 3.57 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 74.50 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 77.50 บาท คิดเป็นร้อยละ 3.87 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 

ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
 
สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตที่ออกสู่ตลาดสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย 
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 34.56 บาท สูงขึ้นจาก กิโลกรัมละ 34.54 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.06 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 35.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 33.70 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 42.91 บาท และภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 10.25 บาท ลดลงจากตัวละ 10.50 คิดเป็นร้อยละ 2.38 ของกสัปดาห์ที่ผ่านมา 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 31.50 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 32.10 คิดเป็นร้อยละ 1.87 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 48.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
   
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตไข่ไก่ที่ออกสู่ตลาดสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ                                                                                                                 
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 291 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 289 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 276 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 297 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 28.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา  
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 335 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 

ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 341 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 355 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 354 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 317 บาท และภาคใต้ร้อยฟองละ 350 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 335 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 

โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
   
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 95.26 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 95.50 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.25 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 94.25 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 92.20 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 92.55 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 108.64 บาท

กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 74.87 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 74.90 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.04 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 88.59 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 72.23 บาท  ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงาน 
 
 

 
 

 
ประมง

สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 12 – 18 กรกฎาคม 2564) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
 2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.) ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง) ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 76.56 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 76.16 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.40 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 140.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.3 กุ้งกุลาดำ ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 134.94 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 137.54 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.60 บาท
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 133.33 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 134.17 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.84 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง) ราคาปลาทูสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.85 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 81.89 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.04 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 85.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง) ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยสัปดาห์นี้กิโลกรัมละ 100.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 220.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.62 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 6.57 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.05 บาท
สำหรับราคาขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา